Dec-2017
ดอยปุยหลวง ปุยน้อย แม่เงา ตอน2
ความเดิมตอนที่แล้ว ตอนที่1 ชิลกันก่อน สู่ ม่อนกองข้าว
ดอยปุยหลวง ปุยน้อย
ตอน เดินถึก สู่แค้มป์2 ดอยปุยน้อย
เช้าวันใหม่ ของทริป 4วัน 3คือ ล่าสุดยอดทะเลหมอกแห่ง ดอยปุยหลวง ปุยน้อย อช.แม่เงา เราตื่นก่อนตะวันก็เพราะว่าตะวันหน้าหนาวเค้าตื่นสาย แหวกม่านเต็นท์ออกมา โอ้วทไวไลท์ยามเช้าอลังการงามอล่างฉ่าง
ส่วนอีกด้านของเต็นท์ ฟากตะวันตก ตู้ฮู้ว์ ทะเลหมอก
หมอกล้นทะลักมาจ่อเกือบสันดอย ชอบมาก นาทีนี้บอกกับตัวเองทันทีว่าคุ้มมาก และนี่คือทะเลหมอกแห่งลุ่มน้ำแม่เงา
ต้นนี้กิ่งก้านหงิกหงอยเหงา ดูสวยดีนะ
หามุมแปรงฟัน outdoor อีกครั้ง จะแปรงให้ฟินต้องยืน แปรงไปชมวิวทะเลหมอกไป หุหุ
ม่อนกองข้าว
ม่อนกองข้าวมุมมองจากแคมป์ของเรา ที่ที่เมื่อวานเย็นเราส่งตะวันกันบนนั้น ประเดี๋ยวพวกเราจะย้อนขึ้นไปอีกครั้ง บนนั้นอยู่ในจุดที่สูงกว่าตรงนี้ ทะเลหมอกก็น่าจะอลังกว่า ว่ามะ
ว่าแล้วก็เดินขึ้นมา ระหว่างที่สต๊าฟเตรียมทำอาหารเช้าให้พวกเรา มองย้อนกลับไปยัง camp area ตะวันกำลังขึ้นที่ทิศสี่นาฬิกา ตะวันออกเฉียงใต้สไตล์หน้าหนาว ตอนนี้ยังอยู่ต่ำกว่าเหลี่ยมเขา ยังมิอาจสาดแสงมายังแคมป์ ดูสิ นี่คือแคมป์ปิ้งไซค์ที่สุดติ่งมาก
ทะเลหมอกม่อนกองข้าว
ทะเลหมอกแห่งลุ่มน้ำเงา แอ่งทะเลหมอกในย่านแถบตาก-แม่สะเรียง นี้แทบทั้งหมดจะเป็นแอ่งทะเลหมอกที่เกิดจากลุ่มน้ำเมยนะครับ อย่างเช่นที่อช.แม่เมย ม่อนครูบาใส ม่อนพูนสุดา นั่นก็ลุ่มน้ำเมย (แต่ม่อนกิ่วลมจะเป็นลุ่มน้ำเงานะ หันไปคนละทิศกับม่อนครูบาใสและม่อนพูนสุดา) ที่ดอยทูเล ม่อนคลุย ก็ลุ่มน้ำเมย
ทะเลหมอกล้นทะลักมาก ย้อยเข้ามายันซอกเขาเชิงม่อนกองข้าว สวรรค์ลูกนัยย์ตาจริงๆ
เห็นแล้วก็อิจฉา บรรยากาศน่าจูงมือแฟนมาจริงๆ
นี่อีกคู่ ดูดุ๋ จู้ฮุกกรู นั่งโซฟาหันหลังให้หมอก หันหน้าชมอะไรทายมา ตะวันไงล่ะ
แสงตะวันสาดมาแล้ว ม่อนกองข้าวก็กลายเป็นม่อนสีทองผ่อนอำไพ ตัดโช๊ะๆกับท้องฟ้าหน้าหนาว
ที่นี่ ม่อนกองข้าว บนความสูงราว 1,180 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง
กลับลงแคมป์ครับ อาหารเช้ารอเราอยู่ข้างล่าง
เมนูข้าวเช้าเป็นสิ่งจำเป็น ไม่หิวก็ต้องกิน กินเยอะๆ อัดเยอะๆ ตลอดวันวันนี้ ร่างกายจะต้องใช้พลังงานอย่างหนัก สต๊าฟยังไม่แย้มว่าระยะทางจะไกลโพ้นขนาดไหน แต่ได้ยินว่าเดินทั้งวัน หืย!
ข้าวเช้าที่มีทั้งเมนูข้าวต้มหมู เมนูซาลาเปา กินกันอย่างง่ายๆ เบิ้ลกันจนกว่าจะหมดหม้อ ตบตรูดด้วยกาแฟกับขนมคุ้กกี้ เท่านี้เรี่ยวแรงก็ชารตเต็มพลัง เตรียมพร้อมเก็บเต็นท์เดินทางกันต่อ
ระหว่างเก็บเต็นท์ก็เดินๆ ย่อยอาหารไปด้วย ถ่ายดอกม้งดอกไม้รอบเต็นท์
ได้เวลาเดินทางต่อ
เรียงหน้ากระดานถ่ายหมู่ ก่อนจะตั้งแถวตอนเรียงเดี่ยวเดินทางสู่แคมป์2
ถ่ายทะเลหมอกส่งท้ายอีก แหม่ แบบว่าเมมเยอะ ถ่ายแล้วก็ถ่ายอีก นี่สายขนาดนี้หมอกยังหนา
ดูเวลาก็ปาไปเกือบสิบโมงนะครับ กว่าเราจะพร้อมสองเท้าก้าวเดินกันต่อไป
แผนที่เส้นทางเดิน
ม่อนกองข้าว – ดอยปุยหลวง – ดอยปุยน้อย
จากแคมป์1 ถึงแคปม์2 ระยะทางที่บันทึกได้คือ 12 กิโล แต่ในท้องเรื่องของจริงหารู้ไม่นะครับ ออกเดินหน้าไปเรื่อยๆ โดยไม่รู้จุดหมายอยู่หนใด ระยะทางกี่มากน้อย เดินตามสต๊าฟกันไปเรื่อยๆ แค่นั้น เด็กดี
ก่อนจากม่อนกองข้าว ขอให้กลับไปปล่อยพลังเมฆหน่อย โช๊ะๆ ฮา เหมาะเหม็ง
ไปครับ เส้นทางหลักคือยึดสันดอย อันเป็นเส้นแบ่งเขตจังหวัดแม่ฮ่องสอน, เชียงใหม่ นะครับ ซ้ายเชียงใหม่ ขวาแม่ฮ่องสอน เดินตามสันขึ้นๆ ลงๆ แนวเหนือใต้ ทิศทางมุ่งหน้าลงใต้ เทรลเดินหันหน้าเข้าหาแสงตะวันทั้งวัน เนื่องจากเป็นหน้าหนาว อาทิตย์โคจรอยู่ด้านนี้เป็นหลัก
เข้ารกเข้าพงกันนิดหน่อย ตรงไหนเจอสันดอยสูงไปหน่อยทางก็จะเลาะไปข้างๆ
1 กิโลผ่านไป
เลาะสันดอยทางซีกซ้ายแล้วก็ย้ายมาเดินทางซีกขวาบ้าง โผล่มาฟากตะวันออกอีกครั้ง ทะเลหมอกโผล่มาอยู่ในสายตาอีกที นี่คือสิบโมงครึ่งนะ หมอกยังหนาอลัง ทัศนวิสัยมองตอนนี้มองเห็นไกลไปยัน ม่อนคลุย และดอยสูงระดับ 1,400 ที่ซ่อนดอยทูเลไว้เบื้องหลัง

ตั๊กแตนตำข้าวตัวใหญ่มาก ราชาแห่งแมลงนักล่าสังหาร

และสไปเดอร์แมนถักใยดักเหยื่อของมัน
ฝูงควายเลี้ยงของชาวบ้าน
เมื่อวานนี้เราเจอฝูงวัว มาวันนี้เจอฝูงควาย แหม่ บนนี้จัดว่าเป็นทำเลหาหญ้ากินที่น่าโปรดปรานของเหล่าโคกระบือเป็นแน่แท้ ไม่ต้องสงสัย เพราะได้เคี้ยวหญ้าไปชมทะเลหมอกไปช่างสุขีสิบอกหั้ย
สบตากันอย่างไม่ค่อยมั่นใจ มันกลัวเราหรือเปล่าไม่รู้ แต่เรากลัวไอ้จ่าฝูงบนยอดเนินตระโกนสั่งให้ลูกฝูงมันวิ่งเข้าใส่
หวัดดีฮับ คุณพี่กระบือ พวกกระผมผ่านทางมาเสยๆครัช ไม่แย่งหญ้าแน่นวล
เข้าสู่ลาดเชิงดอยปุยหลวง
ราวๆ สองชั่วโมง เราก็เดินทำระยะมาได้ 4 กิโล ณ ตอนนี้เรามาถึงลาดเชิงดอยปุยหลวง อันเป็นจุดสูงที่สุดของอช.แม่เงาละ ยอดปุยหลวงอยู่ห่างไปอีก 4 กิโล ถือว่าจุดนี้เป็นกึ่งกลางทางระหว่างแคมป์ม่อนกองข้าว กับยอดดอยปุยหลวง
เที่ยงแล้ว ความเย็นหายไปนานแล้ว และความร้อนเริ่มทวีขึ้น ตอนนี้ก็อาศัยร่มบังใบปลดเป้หลังพักกินเที่ยงกันครับพี่น้อง
พักกินข้าวได้สี่สิบนาที ข้าวเรียงตัวในกระเพาะดีแล้วก็เริ่มเดินทางต่อ ช่วงที่สองของวัน ไต่ยอดดอยปุยกัน วันนี้เราต้องข้ามยอดนี้ไปให้ได้ สต๊าฟเริ่มแย้มว่ายอดปุยหลวงเป็นแค่กลางทาง ส่วนปลายทางนั้นอยู่ที่ปุยน้อย ผมนี้หลังจากกินข้าวอิ่มไปแล้วเริ่มอยากนอนมากกว่าอยากเดินละครับ
เส้นทางขึ้นปุยหลวงไม่ใช่สันดอยโล้นๆ สภาพทั่วไปยังเป็นป่าปกคลุมไปทั่วยอด พอเทรลตัดเข้าเงาป่า บวกกันลมพัดมาตลอด ก็เหมือนภูเขาติดแอร์อีกครั้ง เดินป่าในอากาศเย็นๆ ผมชอบครับ ถ้าร้อนเกินไปไม่ไหวเหนื่อยเร็ว
ไหล่ทางลาดชัน ช่วงหนึ่งระหว่างขึ้นยอดปุยหลวง
อันนี้ภาพลวงตานะครับ ลงเนินช่วงสั้นๆ เท่านั้นพอให้เหยียดยืดเส้นเอ็น ยอดเขาเบื้องหน้าเราบัดนี้ปรากฏแก่สายตาชัดเจนละ ยอดดอยปุยหลวง สูง 1,660 เมตร โดยประมาณ
ช่วงที่ชันสุดของเส้นทาง
ชันเข่าขึ้น สับฟันปลายาวๆ สู่ยอดปุยหลวง
ดอกไม้ประจำยอดปุยหลวง
ขาวแม่สะเรียง ขึ้นเป็นพุ่มเป็นกอใหญ่ เริ่มมาเห็นหนาตาขึ้นเรื่อยๆ ทั่วปุยหลวง

ยอดดอยปุยหลวง
ในที่สุดก็ซัมมิทยอดปุยหลวงสำเร็จ ทุ่งดอกขาวแม่สะเรียง หรืออีกชื่อคือใบหนาด แผ่ปกคลุมไปพราวไปทั่ว สวยดี และ ณ ยอดปุยหลวงนี้สันดอยเริ่มแยกเป็นซ้ายขวา ทางซ้ายคือสันดอยพาดไปทิศตะวันออก รอยแบ่งจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่จะเลี้ยวไปตามสันด้านนี้ อ่อ ฝั่งเชียงใหม่ที่อยู่คู่เทรลเดินมาตลอดทางเป็นพื้นที่ของ อำเภออมก๋อยนะครับ
ถึงจุดนี้เทรลเดินต่อไปของเราสู่ปุยน้อยนั้นจะแยกลงสันดอยด้านขวา หรือด้านทิศตะวันตกเฉียงใต้ สิ้นสุดเทรลเดินตะเข็บจังหวัดกันที่ยอดปุยหลวงนี่เอง
ภาพรวมคร่าวๆ เทรลเดิน ม่องกองข้าว – ปุยหลวง – ปุยน้อย
12 กิโลเดิน แบ่งเป็นสามช่วงๆ ละ 4 กิโล
- แคมป์ม่อนกองข้าว – เชิงดอยปุยหลวง
- เชิงดอยปุยหลวง – ยอดดอยปุยหลวง
- ยอดดอยปุยหลวง – แคมป์ดอยปุยน้อย
เทรลเดินลงจากยอดปุยหลวง ช่วงนี้เทรลสวย ผู้นำกลุ่มเดินไปเกือบทะลุขอบเฟรม ใครเห็นมั่งมั้ย มุมล่างขวาเลย โหะๆ เป็นภาพที่นอกจากซัมเจ็คจะเล็กจึ๋งแล้วยังอยู่มุมสุดติ่งด้วย 555
ก้าวสวบๆ กันลงไป ระยะห่างของแถวตอนเริ่มถ่างออกไปเรื่อยๆ หัวขบวนพ้นยอดปุยหลวงไปแล้ว หางยังอยู่บนยอด บางคนก็ยังชื่นใจกันทุ่งขาวแม่สะเรียงกันอยู่บนนี้เลย
สี่โมงเย็นแล้ว 6 ชั่วโมงที่เดินกันมา เดินกันมาถึงตรงนี้ เกือบเก้ากิโลเมตรแล้ว มันไกลกว่าเทรลอื่นๆ ที่เราเคยเดินกันมาอีก แดดอ่อนแสงไปเรื่อยๆ ไปพร้อมๆ กับแรงขาที่หร่อยหรอลงเรื่อยๆ เช่นกัน ขาตรูสั่นแล้ว ออยๆ
ป่าย้อนแสงอ่อนๆ ช่วงนี้เนรมิตภาพป่าที่มีริมไลท์สวยงามมากๆ พอให้ได้ชื่นตาเป็นรางวัลตบตรูดกันได้บ้าง ไม่ถึงกับต้องเดินแบบห่อเหี่ยว อ่ะ แข็งใจเดินถึกกันต่อไปพวกเรา
ดอยปุยน้อย กับบริเวณตั้งแคมป์คืนที่สอง
ทอดสายตายาวไกลออกไป นั่นครับ ยอดไกลๆ ลิบๆ โน่น ยอดดอยปุยน้อย กับที่ราบโล่งๆ ที่จะตั้งแคมป์กันคืนนี้ จากจุดนี้ถึงจุดนั้น 3.0 กิโลเดิน พอดิบพอดี โอ้โหย ตรูนี้เห็นแล้วแมร่งโคตรท้อแท้ เหมือนจะหมดปัญญารีดแรงขาให้เดินไปถึง mission มันจะอิมพอสซิเบิ้ลซะล่ะม้าง ไกลเกิ๊น
ใครมองภาพบนไม่ชัด นี่ครับ ผมสู้อุตส่าห์หยุดเดิน เปลี่ยนเลนส์เป็นกระบอกโตซูมให้ดู ป่าวหรอก หยุดถ่ายภาพแก้เกี้ยวไปงั้น รีบก็อยากรีบ แต่เวลานั้นขามันอยากพักมากกว่า
มุมมองตรงนี้เห็นไกลถึงยอดหลัง ที่อยู่ไกลออกไปขีดเส้นตรงยาวๆ จะได้ระยะทางกลางอากาศยี่สิบกว่ากิโลเมตรในพื้นที่ จ.ตาก เขาลูกหลังนั้นเป็นยอด 1,4xx ที่ซ่อนดอยทูเล ไว้ข้างหลัง ใครเคยไปพิชิตยอดทูเลมาแล้วจะเห็นว่ามียอดที่สูงกว่ามันอยู่ข้างหลัง นั่นแหละยอดนี้ล่ะ
และถัดไปทางกาบขวา นั่นคือสันดอยที่เชื่อมสู่ม่อนคลุย บางคนอาจจะเคยผ่านทริปเดินโหดๆ จากม่อนคลุย สู่ทูเล กันมาแล้ว และภาพนี้ครับ เรายืนจากดอยปุยหลวง มองเห็นครบทั้งปุยน้อย ทูเล และม่อนคลุย งามตาจริงๆ
จุดหมดแรงอย่างแท้ทรู ทิ้งร่างกันแล้ว หลังจากลงจากยอดปุยหลวงมายาวๆ สองกิโลกว่าๆ สุดตีนปุยหลวงก็ประจันหน้าตีนปุยน้อยทันที ที่ราดเชิงดอยปุยน้อยมีเนินเกลี้ยงๆ หญ้าสั้น น่านอนชะมัดเตี่ยเลยตอนนี้ หลับตรงนี้กันเลยได้มั้ย นี่ถ้าลูกหาบไม่พาเต็นท์ล่วงหน้าไปไกลซึ่งป่านนี้คงกำลังตั้งแคปม์กันแล้วผมนี้อยากเสนอให้ปล้นสดมป์เต็นท์มากางนอนกันตรงนี้ล่ะ ไปต่อไม่ไหว และที่สำคัญน้ำในกระติกน้อยๆ หยดสุดท้ายมันหมดไปนานแล้ว …. ขอน้ำหน่อย~~~~
เฮือกสุดท้าย กันเส้นทางชันสุดท้าย
จนท.ป่าไม้บอกว่าแข็งใจไต่ครับไต่ ถ้าไต่ตรงนี้ได้จะร่นระยะลงไปมาก และพ้นตรงนี้ไปก็จะถึงแคมป์แล้ว เราก็เลยรวบรวมกำลังเฮือกที่สุดแล้วสุดอีกพาสังขารไต่ชันยาวจุดนี้ขึ้นไป ดูปกติแล้วไม่ใช่ทางเลยนะ ทางมีแต่ว่ามันเลาะไปอีกจุด คงอ้อมเนินไปไกล
และแล้ว เราก็ถึงซักที โอย อยากคลานสี่ขาเข้าไปหากระติกน้ำ ขอน้ำหน่อย~~~~เสียงแหบ
แคมป์คืนสอง แคมป์ปุยน้อย
หลักจากได้น้ำล้างคอหอยที่กำลังแห่งเป็นผง ผมก็ทิ้งร่างละครับ นอนแม่มเลยตรงนี้
12 กิโลเมตร เดินแปดชั่วโมงครึ่ง เดินตั้งแต่สิบโมงเช้ายันอาทิตย์ลับฟ้า
หมดแรงช่วยกางเต็นท์ บ่องตง
นาทีมหัศจรรย์ตา ฟ้ามลังเมลือง
ของขวัญประทานจากฟากฟ้า ริ้วเมฆต้องแสงสุดท้ายของตะวันที่ลับขอบฟ้าไปแล้ว ฟาดงวงฟาดงาสะบัดไปทั่วท้องฟ้าสีฟ้า หูย มันอลังการและตระการตามาก เพื่อนบางส่วนในกลุ่มที่แรงยังเหลือก็ตัดสินใจแบกกล้องไปต่อ เทรลสั้นๆ เดินตัดขึ้นยอดดอยปุยน้อยไปนิดเดียว ตรงบริเวณนั้นมีเหลี่ยมผาแดง วิวเปิดสู่ทิศตะวันตกเป็นจุดชิมวิวเหลี่ยมเขาที่พรุ่งนี้เราทั้งกลุ่มจะขึ้นไปชมทะเลหมอก ซึ่งสมาชิกในกลุ่มที่เคยมาแล้ว การันตีกับเราว่าทะเลหมอกปุยน้อยอลังการกว่าทะเลหมอกม่อนกองข้าวเมื่อเช้านี้อย่างน้อยสองเท่าครึ่ง ! สำหรับทไวไลท์ปุยน้อยตอนนี้ ยอมครับ ไม่มีแรงลุก พวกเค้าคงได้ภาพเจ๋งสุดๆ มาฝาก แต่สำหรับพวกที่แรงหมด รวมทั้งผมด้วย ขออาสามองฟ้าจากตรงนี้แทน T T
คืนนั้นก็จบลงด้วยการคลานมาดินเนอร์ เติมพลังกรดอะมิโนไปซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของขาทั้งสองข้าง
เมื่อร่างกายค่อยๆ ฟื้น พลังแบตเตอรี่ที่ขาค่อยๆประจุพลังงานจนยืนกลับขึ้นมาได้อีกครั้งก็มายืนลั่ลล้าชมดาวสะพรั่งฟ้า ดวงดาวแจ่มจรัสมากบนท้องฟ้าแรม 7 ค่ำเหนือแคมป์บนยอดเขาอันมืดสนิทไกลโพ้นจากถิ่นอาศัยของบ้านคน เหมาดอยกันอีกคืนครับพี่น้อง เทรลเดินป่าแห่งนี้มันช่างวีไอพีจริงๆ
สรุป เข้าสู่คืนที่สองเราก็เดินเท้ากันมาได้ สิบห้ากิโลครึ่งแล้ว ยังเหลือวันพรุ่งนี้อีก สี่โลครึ่ง อันเป็นเทรลลงเขา ครบระยะ 20 โลก็จะมีรถ 4WD มารับตรงจุดนัดพบ
ติดตามตอนต่อไปนะครับ เป็นตอนจบของทริป คืนที่สามเราจะนอนชิลริมเงากัน ตามแผนของเราคือเราจะล่องแพกลับออกไปที่ทำการ!!
ตอนที่ 1 ชิลกันก่อน สู่ ม่อนกองข้าว
ตอนที่ 2 เดินถึกสู่แคมป์2 ดอยปุยน้อย
ตอนที่ 3 ทะเลหมอกแม่เงา ดอยปุยหลวง ปุยน้อย
Comments are closed.